“การประชุมหรือทำงานออนไลน์ไม่ work จริง?”

Yongyuth Buranatepaporn
2 min readMay 7, 2024

ได้ยินเสียงบ่นถึงการประชุมออนไลน์จากการทำงาน WFH/WFA ในระยะหลังเยอะมาก หลายๆ บริษัทจึงเริ่มเรียกคนเข้ามาทำงานใน onsite ในสัดส่วนที่สูงขึ้น หรือยกเลิกนโยบายทำงาน WFH/WFA ไปหลายที่…

จำได้ว่าช่วงแรกๆ โควิทที่เราออกจากบ้านไม่ได้ การประชุมหรือการทำงานถูกผลักดันสู่ออนไลน์เต็มรูปแบบ ในระยะ 1–2 ปีแรก การทำงาน และ deliver บางช่วงสูงขึ้นด้วย เพราะว่าเราไม่ต้องเสียเวลากับการเดินทาง และตารางนัดงานสามารถเพิ่มได้เพราะไม่ต้องเดินทางไปที่ๆ ทำงานหรือที่ประชุม…

แต่พอยุคผ่านไป 1–2 ปี เหมือนจะได้ยินเสียงที่ไม่ work จากการประชุมผ่าน Zoom/Team/Meet กัน…จนหลายบริษัทออกมาตรการ…ทีนี้มาดูว่าทำไมมันถึงไม่ work ในช่วงนี้

1. “สมาธิกับการจดจ่อ” : คนเริ่มไม่ได้สนใจการประชุมตรงหน้า พออออนไลน์ กับจะ multitasking ประชุมอื่นคู่ไปบ้าง หรือทำอย่างอื่นบ้าง…ลองสังเกตุคนเข้าห้องประชุมถ้า “เงียบ” หรือ “เรียกใครแล้วเขาถามกลับว่าอะไรนะ ขออีกที?…เป็นต้น” นั่นแปลว่าผู้เข้าประชุมไม่ได้ pay attention 100% และหลายๆ เรื่องคุณประชุม pay attention 100% ผลลัพธ์ยังไม่ได้ แล้วถ้าไม่ได้โฟกัส 100% ผลก็จะเห็นมันไม่ work

2. “Multitasking” เหมือนเป็น Norm ไปแล้วสำหรับการทำงานที่ไหนก็ได้ ที่คนจะรับการประชุมพร้อมกัน 2 ประชุมบ้าง >3 ในเวลาเดียวกัน บางคนเหมือนรับๆ มาก่อน แล้วจะไปฟัง record ถ้ามีเวลา (ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ฟังกันหมดไปกรอๆ บางส่วน)

3. “ความเป็นมืออาชีพของพนักงานนั้นๆ เอง” หลายคนพอทำงานที่ไหนก็ได้ กล้องก็ไม่ต้องเปิด ก็ทำอย่างอื่น หรืองานอื่นไปด้วย บางคนนอกจากงานประจำ ก็ทำงานเสริมคู่กัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้ามันไม่ได้มีประโยชน์ทับซ้อนกัน….เพียงแต่ใน 1 ช่วงเวลาถ้าทำแบบนั้น สมาธิที่ให้งานหลักมันจะลดลงแน่นอน…

4. “ไม่สนิทกัน” ผมเคยได้ยินว่า เรียกประชุมสัมนา onsite เขาบอกทีมๆ เดียวกับทำงานมานับปี ไม่เคยเจอหน้ากันเลย…คุยกันผ่านเสียง (เพราะกล้องก็ไม่เคยเปิด)…ดังนั้น มนุษย์เป็นสัตว์สังคม การทำงานเพื่อส่งงานตัวเองเป็นหลักนั้น ถ้าทุกอย่างหมุนแบบไม่มีปัญหาก็น่าจะโอเค แต่ในชีวิตจริงมันไม่เป็นแบบนั้น…ทุกคนก็จะสนใจแต่เป้าหมายใน role ตัวเองเป็นหลัก…สังเกตุจะไม่ค่อยมีเป้าหมาย หรือการเสียมสละร่วมใดๆ

5. “บริษัทเป็นแค่สถานที่ไม่มีวิญญาณ” ไม่ได้โพสในเรื่อง Ghost นะครับ ห้าๆๆ สังเกตุบริษัทหลายที่สมัยก่อน พนักงานรักองค์กร และมีความเป็นอัตลักษณ์ แต่บริษัทสมัยใหม่…องค์กรก็แค่ชื่อแบรนด์ตามสื่อโฆษณา แต่ไม่รู้จิตวิญญาณ หรือวัฒนธรรมขององค์กรเป็นอย่างไร บางคนสัมผัสไม่ได้ รู้แค่ทีมใกล้ๆ หรือนานๆ ทีจะมีสัมนาใหญ่บริษัทจะ townhall หรืองานเลี้ยงสิ้นปี แต่นั่นก็แค่ความรู้สึกวูบวาบเท่านั้น…

6. “เด็กน้อยต้องการตัวอย่างจากหัวหน้าและรุ่นพี่” ผมมีโอกาสได้ฟัง exit interview จากพนักงาน junior อายุงาน 1–2 ปีจำนวนมาก พบว่าข้อนึงที่เป็น common ในบริษัทที่ทำงานแบบ WFH/WFA คือ เขาจะบอกว่า “เหงา” หรือ “เรียนรู้ได้ช้า เพราะไม่มีคนสอนงาน” เป็นต้น

7. “หัวหน้าหลายคนเปลี่ยน Work from anywhere เป็น Work everywhere/everytimes” กำแพงความเป็นส่วนตัว ทั้งงานและเวลา ผ่านเครื่องมือสื่อสารและเทคโนโลยีได้พังสิ่งเหล่านี้ เมื่อก่อน Call or sms ก็ไม่จำเป็นต้องตอบ เดี๋ยวนี้ Line or VDO call ทุกวันและเวลา…วันก่อนผมได้ยินจากใครคนนึงใกล้ตัว ว่าบริษัทเขา “หัวหน้านึกงานออกตื่นมาสั่งงานตอนตีห้า…แล้วพนักงานคนนั้นขึ้นมาทำงาน แล้วถามและให้ความคืบหน้าของงานตอน 7 โมงเช้า ปรากฏไม่โดนใจ พนักงานคนนั้นโดนดุอีก…” (ทั้งๆ ที่มันเป็นอะไรที่ผิดเพี้ยน…)

สุดท้ายแค่จะบอก Work onsite or work anywhere/home มัน work หรือไม่ work มันขึ้นกับการกำหนดกติกาการปฏิบัติงาน รวมถึงความรับผิดชอบเป็นส่วนสำคัญ…ไม่เช่นนั้น rate การ adopt VDO/call conference มันไม่โตขึ้นทุกปี…แต่การทำงานนั้นจะ work ต้องผสมให้ลงตัวทั้งผู้ปฏิบัติ และผู้กำหนดนโยบาย ถ้าเราหลวมๆ ในหลักการ เวลาผ่านไป ผลลัพธ์ มันก็จะเหมือนกับที่หลายๆ บริษัทในประเทศไทย บอกมันไม่ work ลด/เลิก WFA/WFH กันหมด…

หมายเหตุ : เรื่องนี้คล้ายๆ กับการเรียน onsite และเรียนออนไลน์ด้วย ไว้จะมาเล่าต่อ เพราะว่ามันมีจุดเริ่มว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการเรียนออนไลน์ (ต้องผ่านการคัดกรอง)…และเช่นกันเรียน onsite อย่างเดียวก็เสียเวลา…ไว้ค่อยมาเล่าต่อ…

#วันละเรื่องสองเรื่อง

--

--

Yongyuth Buranatepaporn

As Product Owner, my role is to ensure that products on my hand will be success